Monthly Archives: กุมภาพันธ์ 2012

ประโยชน์-โทษ ของอาหารรสชาติต่าง ๆ

มาตรฐาน

              ตามตำราแพทย์แผนจีน รสชาติของอาหารทุกชนิดมีความสำคัญต่ออวัยวะภายในของร่างกายมนุษย์แทบทั้งสิ้น นอกจากประโยชนที่เราได้รับแล้ว หากทานมากไป อาจได้รับโทษของรสชาติเหล่านั้นมาด้วย

มาดูว่าประโยชน์และโทษของอาหารที่เราทานอยู่เป็นประจำนั้น มีอะไรบ้าง

อาหารรสหวาน

ข้อดี – น้ำตาลจัดอยู่ในอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานกับร่างกายโดยทันที ส่งผลให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้ประเปร่า ช่วยส่งเสริมการทำงานของกระเพาะอาหารและม้าม รสหวานมีสรรพคุณทานยา รักษาอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง และแก้กระหายด้วย

ข้อเสีย – เมื่อทานอาหารที่มีรสหวานมาก ๆ ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวาน เพราะการได้รับน้ำตาลมากเกินไป ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ นอกจากนี้ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป ส่งผลให้อ้วน ทำให้เกิดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคไต ฟันผุ เป็นต้น

อาหารรสเผ็ด

ข้อดี – อาหารรสเผ็ดช่วยให้การทำงานของปอดและลำไส้เป็นไปตามปกติ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยขับเหงื่อ ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังช่วยในกระบวนการเผาผลาญอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

ข้อเสีย – อาหารรสเผ็ดจัดก็สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารเช่นเดียวกัน นอกจากนี้อาหารรสเผ็ดจำพวกเครื่องแกงมักมีส่วนผสมของเกลือ กะปิ ผงชูรส ซึ่งมีโซเดียมอยู่มาก จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต และดรคความดันโลหิตสูง

อาหารรสเค็ม

ข้อดี – โซเดียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของเกลือ ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมความสมดุลของของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ระดับปกติ ช่วยควบคุมระดับความเป็นกรด – ด่างของเลือด ช่วยขับร้อน แก้อาหารเลือกออกตามไรฟัน บำบัดอาการท้องเฟ้อ

ข้อเสีย – เมื่อใดที่ร่างกายมีปริมาณโซเดียมจากเกลือสูงกว่าปกติ ร่างกายจะพยายามขับออกทางปัสสาวะ ส่งผลให้เรารู้สึกคอแห้ง กระหายน้ำ ร้อนใน แสบคอ เกิดอาหารบวมน้ำได้ หรือถ้าหากเป็นมากถึงขั้นภาวะขาดน้ำได้ นอกจากนี้ รสเค็มจะทำให้เลือดในร่างกายไหลเวียนช้าทำให้ความดันโลหิตสูง และทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

อาหารรสเปรี้ยว

ข้อดี – เป็นข้อดีที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ความเปรี้ยวช่วยในการกระตุ้นตับและถุงน้ำดีให้ปล่อยน้ำย่อย ช่วยในการดูดซึมอาหารของร่างกาย ฟอกเลือด เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับเสมหะ และแก้เลือดออกตามไรฟันได้

ข้อเสีย – การกินอาหารรสเปรี้ยวมากเกินไป ทักทำให้ท้องเสีย ร้อนใน และระบบน้ำเหลืองในร่างกายมีปัญหา จึงทำให้แผลหายช้า และเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดฟันผุด้วย

ทุกอย่างบนโลกนี้ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี การทานอาหารก็เช่นกัน ทานแต่พอดี ร่างกายก็จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ที่มา  :  http://campus.sanook.com

12 สารอาหาร ที่ขาดไม่ได้สำหรับสาว ๆ ทุกวัย

มาตรฐาน

เมื่ออายุต่างกัน ผู้หญิงแต่ละวัยก็ต้องการสารอาหารแตกต่างกันออกไปด้วย แต่จะเป็นอะไรไปดูกันเลย

        อาหารของสาววัย 20 และ 30    

        ชีวิตมักเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงสำหรับสาว ๆ ผู้หญิงในวัยนี้มักจะไม่ได้กินสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เช่น แคลเซียม กรดโฟลิก และธาตุเหล็ก ในขณะเดียวกัน กระดูกของคุณยังจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 20 ปลาย ๆ ดังนั้น การได้รับแคลเซียมน้อยจะส่งผลให้คุณเสี่ยงกับโรคกระดูกพรุน แถมคนวัยนี้ยังมักจะไม่กินข้าวเช้า ทำให้ได้รับใยอาหารต่ำ และอาจนำไปสู่โรคลำไส้ใหญ่ได้ในอนาคต

        แคลเซียม

        เพื่อให้แน่ใจว่า คุณได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการ คุณต้องกินอาหารในกลุ่มที่ทำจากนมอย่างน้อย 3 หน่วยบริโภคต่อวัน (1หน่วยบริโภค=นม 200 มล.,โยเกิร์ต 1 ถ้วยเล็ก หรือชีส 30 กรัม) แต่ถ้าคุณไม่กินนมก็อาจจะเลือกอาหารอย่างอื่น

        Try : ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ผักโขม ถั่วเขียว บร็อกโคลี งา คะน้า กวางตุ้ง อัลมอนด์

        ใยอาหาร

        มันทำให้ระบบขับถ่ายของคุณทำงานได้ไหลลื่น และยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานอื่น ๆ เช่น การรักษาระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล หากเราไม่กินใยอาหาร นอกจากจะทำให้ท้องผูก เรายังเสี่ยงกับโรคลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบ โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิด

        Try : ขนมปังโฮลวีต เนยถั่ว ( 1 ช้อนโต๊ะก็เพียงพอ) แอปเปิ้ล ลูกแพร์ มันฝรั่งต้ม (ไม่ปอกเปลือก) อัลมอนด์ ป๊อปคอร์นไม่ใส่เนย หรือเกลือ สตอรว์เบอร์รี่ ลูกพรุน และลูกเกด

        กรดโฟลิก

        คือวิตามินบี มันจะช่วยให้ร่างกายผลิตเซลล์ใหม่ ๆ เช่น ผิวหนัง เส้นผม เล็บ ฯลฯ สำหรับสาว ๆ ที่วางแผนจะเป็นแม่ กรดโฟลิกสำคัญมาก ผู้หญิงโดยทั่วไปควรได้รับกรดโฟลิกไม่น้อยกว่า 400 ไมโครกรัมต่อวัน

        Try : ผักโขม บีตรูต บร็อกโคลี่ กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย ลูกพีช อกไก่ ตับ ไต ไข่แดง ถั่วชนิดต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

        อาหารที่มีโซเดียมต่ำ

        หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่เกลือมาก เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด เนื้อสัตว์แปรรูป หรืออาหารจำพวกซุปกระป๋องที่มักใส่เกลือปรุงรส

        สารอาหารที่สาววัย 40 ขาดไม่ได้    

        การออกกำลังกายและธาตุเหล็กสำคัญมาก ยิ่งเมื่อเรามีอายุมากขึ้นด้วยแล้ว ตอนนี้คือเวลาที่คุณจะลงทุนในด้านสุขภาพร่างกาย การกินอาหารที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องคุณจากโรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคต้อกระจก และมะเร็งบางชนิด

        พอคุณอายุ 40 อัตราการเผาผลาญพลังงานจะลดลง ณ จุดนี้ น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้คุณเสี่ยงกับโรคต่าง ๆ ตามที่กล่าวมา และ 1 ใน 4 ของผู้หญิงวัยนี้จะมีธาตุเหล็กน้อยลง จึงมีอาการอ่อนเพลียตลอดเวลา ข่าวดีก็คือแอลกอฮอล์ (ในปริมาณที่พอเหมาะ) จะช่วยให้หัวใจคุณแข็งแรง

        แอลกอฮอล์

        National Institute on Alcohol Abuse and alcoholism เปิดเผยว่า คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลาง มีแนวโน้มจะอายุยืนกว่าคนที่ไม่ดื่ม หรือดื่มหนัก แถมยังช่วยลดโอกาสเป็นโรคหัวใจ และบำรุงระดับคอเลสเตอรอลอีกด้วย

        วิธีดื่ม : ผู้หญิงดื่มวันละ 1-2 ดริงก์ ส่วนหนุ่ม ๆ ดื่มวันละ 3-4 ดริงก์ (1 ดริงก์ = เบียร์ 12 ออนซ์ ไวน์ 5 ออนซ์ เหล้าเพียว ๆ เช่น ว็อดก้า 1 ช็อต) 

       ธาตุเหล็ก

        มีความสำคัญในการผลิตเฮโมโกลบิน ซึ่งช่วยในการเก็บและพาออกซิเจนเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดแดง และนำไปยังทุกส่วนของร่างกาย อย่างไรก็ดี ภาวะโลหิตจางจากธาตุเหล็กต่ำนั้นพบได้ทั่วไปในผู้หญิงที่มีประจำเดือนอยู่ เป็นเพราะการมีประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก

         Try : เนื้อแดง ไข่แดง ผักใบเขียว ผลไม้แห้ง (ลูกพรุน ลูกเกด) ซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก (ต้องเช็กฉลากก่อน) หอยแครง หอยนางรม หอยเชลล์ ไก่งวง เนื้ออกไก่ ตับ

        สารต้านอนุมูลอิสระ

         เมื่อเซลล์ต่าง ๆ ใช้ออกซิเจน ของเสียที่หลงเหลืออยู่ก็คืออนุมูลอิสระที่เกี่ยวข้องกับปัญหาต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ กล้ามเนื้อเสื่อมถอย โรคเบาหวาน มะเร็ง และโรคอื่น ๆ สารต้านอนุมูลอิสระคือ แร่ธาตุ สารอาหาร และไฟโตเคมีต่าง ๆ (เช่น วิตามินเอ ซี อี ซีลีเนียม ฟลาวานอยด์ CoQ10 กลูต้าไธโอน ฯลฯ) ที่จะมาปกป้องเซลล์ของเรา ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคดังที่กล่าวได้โดยปริยาย

        สาวใหญ่วัย 50 ไม่ควรพลาด    

        ณ เวลานี้ คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานประเภทที่สอง ถือว่าพบได้ทั่วไป ร่วมด้วยกับอาการวัยทอง ทำให้สูญเสียมวลกระดูก ข้อต่าง ๆ เริ่มฝืดและปวด หากคุณไม่กินปลาที่มีไขมันเยอะ ก็ได้เวลาแล้วที่จะต้องคิดถึงแคปซูลอาหารเสริม

        อาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล

        เพราะเมื่อคอเลสเตอรอลสูง คุณอาจมีไขมันสะสมอยู่ในหลอดเลือด ทำให้ออกซิเจนส่งไปหาหัวใจและสมองได้น้อยกว่าที่ควร จึงเพิ่มโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดในสมองแตกด้วย

        Try : ผักใบเขียว แอปเปิ้ล ถั่วดำ อะโวคาโด กระเทียม แซลมอน บลูเบอร์รี่ เห็ดหอม วอลนัต

        โปรตีนจากถั่วเหลือง

         ระดับคอเลสเตอรอลของคุณอาจดีขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการกินถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน ไฟโตเอสโตรเจนในถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จาถั่วเหลืองอาจช่วยลดอาการวัยทองได้ เนื่องจากมันจะทำหน้าที่คล้ายกับเอสโตรเจนซึ่งสาว ๆ วัยนี้ขาดไป

        Try : ใช้เต้าหู้ผัดแทนเนื้อสัตว์ กินนมถั่วเหลืองแทนซีเรียล

         กรดไขมันโอเมก้า-3

         ประโยชน์ของโอเมก้า-3 ได้แก่ ลดอาการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก ลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน ลดระดับไขมันในเส้นเลือด หากขาดไปแล้วคุณจะมีอาการผิวแห้ง ผมขาด หลุดร่วง ท้องผูก เป็นไข้หวัดบ่อย ๆ เป็นโรคซึมเศร้า ขาดสมาธิ และเจ็บข้อ

         Try : วอลนัต ปลาแฮร์ริ่ง ปลาทู ปลาแซลมอน เมล็ดแฟล็กซ์ ปลาซาร์ดีน กุ้ง

         วัย 60 ก็ยังแจ๋วได้ถ้าได้กินของเหล่านี้    

         ทั้งร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลง ทำให้การกินอาหารต้องเปลี่ยนไป ร่างกายจะดูดซีมสารอาหารต่าง ๆ ได้น้อยลง แต่เนื่องจากความต้องการแร่ธาตุและวิตามินยังเหมือนเดิม (หรือเพิ่มขึ้น) ก็ยิ่งจำเป็นมากที่ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินอาหารจืด ๆ และควรจะกินเครื่องเทศสมุนไพรต่าง ๆ แต่หลีกเลี่ยงเกลือต่างหาก

         วิตามินบี 12

         เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำช่วยในการรักษาเซลล์ประสาท และเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งยังจำเป็นต่อการสร้าง DNA ในเซลล์อีกด้วย และแม้ร่างกายคนเราจะสะสมวิตามินบี 12 เอาไว้ใช้ได้หลายปี แต่พอแก่ตัวเข้าก็จะพบภาวะขาดวิตามินบี 12 ได้ง่ายขึ้น

         Try : หอยแครง หอยนางรม หอยแมลงภู่ ตับ ไข่ปลาคาเวียร์ ปลาหมึก ปลา ปู กุ้งมังกร เนื้อวัว เนื้อแพะ ชีส และไข่ 

         วิตามินดี

         มีวิตามินดีสองประเภทที่สำคัญ คือ วิตามินดี 2 ที่สังเคราะห์โดยพืช และวิตามินดี 3 ที่คนเราจะสังเคราะห์ขึ้นมาได้โดยการเจอกับรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVB) หน้าที่ของมันก็คือรักษาระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือดให้เป็นปกติ ช่วยสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรง ปกป้องเราจากโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง และโรคระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด

          Try : ไข่ ปลา นมเสริมวิตามิน และน้ำมันตับปลา การเจอแสงอาทิตย์อย่างน้อยวันละ 10 นาที ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งในการที่จะมีวิตามินดีอย่างเพียงพอ

         แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนวัย 60 จะไม่ต้องการใยอาหาร หรือคนอายุ 20-30 จะไม่ต้องการวิตามินดี อย่างไรก็ตาม หากกินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังเป็นประจำ อายุก็อาจเป็นแค่ตัวเลขก็ได้นะครับ

การเล่านิทานสำหรับเด็กปฐมวัย

มาตรฐาน

การเล่านิทานสำหรับเด็กปฐมวัย   

                เด็กอายุ 0 – 1 ปี

               นิทานที่เหมาะสมในวัยนี้ ควรเป็นหนังสือภาพที่เป็นภาพเหมือนรูปสัตว์ ผัก ผลไม้ สิ่งของในชีวิตประจำวัน และเขียนเหมือนภาพของจริง มีสีสวยงาม ขนาดใหญ่ชัดเจน เป็นภาพเดี่ยวๆที่มีชีวิตชีวา ไม่ควรมีภาพหลัง หรือส่วนประกอบภาพที่รกรุงรัง รูปเล่มอาจทำด้วยผ้าหรือพลาสติก หนานุ่มให้เด็กหยิบเล่นได้
                เวลาเด็กดูหนังสือภาพ พ่อแม่ควรชี้ชวนให้ดูด้วยความรัก เด็กจะตอบสนองความรักของพ่อแม่ด้วยการแสดงความพอใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและหนังสือภาพจึงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกด้วย

               เด็กอายุ 2 – 3 ป

              เด็กแต่ละคนจะเริ่มชอบต่างกัน แล้วแต่สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดู การเลือกหนังสือนิทานที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ ควรเป็นหนังสือนิทาน หรือหนังสือภาพที่เด็กสนใจ ไม่ควรบังคับให้เด็กดูแต่หนังสือที่พ่อแม่ต้องการให้อ่าน หนังสือที่เหมาะสม ควรเป็นภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน สัตว์ สิ่งของ    เด็กเล็กในช่วงนี้ มีประสาทสัมผัสทางหูดีมาก หากมีประสบการณ์ด้านภาษา และเสียงที่ดีในวัยนี้ เด็กจะสามารถพัฒนาศักยภาพด้านภาษาและดนตรีได้ดี โดยเฉพาะช่วงอายุ 2 – 4 ปี เด็กมีความสนใจเสียงและภาษาที่มีจังหวะ เด็กบางคนจำหนังสือที่ชอบได้ทั้งเล่ม จำได้ทุกหน้า ทุกตัวอักษร เหมือนอ่านหนังสือออก เด็กอายุ 3 ปี มีจินตนาการสร้างสรรค์ อยากรู้อยากเห็น เข้าใจเรื่องเล่าง่ายๆ ชอบเรื่องซ้ำไปซ้ำมา ดังนั้น หากเด็กมีประสบการณ์ที่ดีในช่วงเวลานี้ จะเป็นพื้นฐานในการสร้างนิสัยรักการอ่าน ของเด็กในอนาคต

                                                เด็กอายุ 4 – 5 ปี

                เด็กวัยนี้มีจินตนาการสร้างสรรค์ อยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัวเกี่ยวกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมว่าสิ่งนี้มาจากไหน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เริ่มเข้าใจความแตกต่างระหว่างความจริงกับเรื่องสมมุติ นิทานที่เหมาะสมกับเด็กวัยนี้ควรเป็นนิทานที่เป็นเรื่องที่ยาวขึ้น แต่เข้าใจง่าย ส่งเสริมจินตนาการ และอิงความจริงอยู่บ้าง เนื้อเรื่องสนุกสนานน่าติดตาม มีภาพประกอบที่มีสีสรรสดใสสวยงาม มีตัวอักษรบรรยายเนื้อเรื่องไม่มากเกินไป และมีขนาดใหญ่พอสมควรใช้ภาษาง่ายๆ การอ่านนิทานให้เด็กฟัง พร้อมกับชี้ชวนให้เด็กดูภาพ ในหนังสือประกอบ จะเป็นการสร้างจินตนาการ สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของพลังเรียนรู้จากการอ่านหนังสือ
                 หากเด็กพบว่าเด็กชอบหนังสือเล่มใดเป็นพิเศษ ก็จะให้พ่อแม่อ่านซ้ำไปมาทุกวันไม่เบื่อ ดังนั้นพ่อแม่ควรอดทนเพื่อลูก เด็กบางคนจำข้อความในหนังสือได้ทุกคำ แม้ว่าจะมีคำบรรยายยาว ได้ทั้งเล่ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากต่อพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

 

น้ำมันมะกอก แก้นอนกรน

มาตรฐาน

 น้ำมันมะกอก แก้นอนกรน

         มะกอกจัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดในแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ ดอกมะกอกจะออกช่อในช่วงปลายฤดูหนาว มีดอกเล็กๆ สีขาว ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอก
ลำต้นจะสูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม มีหลากหลายพันธุ์

ตัวผลมีรสขมและฝาด เมื่อแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวจนเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ มะกอกเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม ให้น้ำมันถึง 20-30 กรัม การสกัดเอาน้ำมันต้องเลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้น้ำมันมะกอกที่มีประสิทธิภาพ

น้ำมันมะกอกถึงแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดี คือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย และน้ำมันมะกอกยังช่วยให้คนที่มีอาการนอนกรนลดเสียงกรนให้เบาลงได้ ด้วยการกินน้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร ซึ่งควรเลือกแบบ EXTRA VIRGIN OLIVE OIL เพราะ เป็นแบบบริสุทธิ์ มีสีเขียวเข้มใส และนิยมนำมาใช้ในการทำสลัด 

กินสัก 4-5 หยดก่อนนอน ทำอย่างต่อเนื่อง 
และทำควบคู่ไปกับวิธีดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักให้อยู่
ในระดับมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหานอนกรน
ให้หมดไปได้

ที่มา : นิตยสารชีวจิต ฉบับ 1 มี.ค. 2552, 
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก – http://www.pantown.com
มารู้จักน้ำมันมะกอก (Olive Oil) กันดีกว่า – http://googigg.exteen.com

ภูฝอยลม

มาตรฐาน

          ภูฝอยลม

  

          ฝอยลม ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย ที่อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดปี ชื่อของภูฝอยลมมาจากไลเคนชนิดหนึ่ง คือ “ฝอยลม”ซึ่งเคยพบเกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนี้ แต่ปัจจุบันพบได้น้อยลงเนื่องจากป่าถูกบุกรุกจนมีสภาพเสื่อมโทรม ปัจจุบันมีการจัดตั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและให้เป็นที่ทัศนศึกษาของประชาชน ประกอบด้วยสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี อุทยานโลกล้านปี มีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ และพิพิธภัณฑ์แสดงซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ และมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติซึ่งจะได้พบป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง สลับป่าทุ่งหญ้า น้ำตกเล็ก ๆ และถ้ำ

การเดินทาง หากเดินทางมาตามเส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี เมื่อเลยอำเภอโนนสะอาดมาแล้วจะพบทางแยกซ้ายที่บ้านห้วยเกิ้งไปภูฝอยลม รถยนต์สามารถขึ้นถึงบนภูได้โดยสะดวก

แหล่งข้อมูล: thai.tourismthailand.org

การฝึกทักษะการสังเกตให้กับเด็ก

มาตรฐาน

การฝึกทักษะการสังเกตให้กับเด็ก

 
                         การที่จะให้เด็กมีทักษะการสังเกตเมื่อเด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่  เด็กจะต้องได้รับการฝึก
ตั้งแต่ยังเล็กอยู่  ดังนั้นครู  พ่อแม่  ผู้ใหญ่  หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กจะต้องจัดประสบ
การณ์ให้เด็กมีทักษะการสังเกต    ทักษะการสังเกตที่จะต้องฝึกให้กับเด็กมีดังนี้
                         1 เด็กจะต้องได้รับการฝึกอย่างต่อเนื่อง ในการสังเกตสิ่งของบางอย่างเพราะจะได้เห็น
ถึงความแตกต่าง
                         2 ครูหรือผู้ใหญ่จะต้องเตรียมสื่อ  อุปกรณ์ในการฝึกให้พร้อม  มีการออกแบบกิจกรรม
ล่วงหน้า
                         3 การฝึกจะต้องฝึกให้เด็กมีทักษะในการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า  ได้แก่  ตา  หู จมูก
ลิ้น  และกาย 
                         4 การฝึกทักษะการสังเกตครั้งแรก  ครูจะต้องทำให้เด็กเกิดความสนใจ  และความ
ตระหนักในสิ่งที่จะสังเกต   ดังนั้นกิจกรรมหรือสิ่งที่ให้สังเกตต้องเริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ  ก่อน แล้วจึง
เป็นสิ่งที่ยากขึ้น
                         5 การสังเกตในแต่ละครั้ง ข้อมูลของการสังเกตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ  ครูจะต้องส่งเสริมให้เด็กนำมาช่วยในการตัดสินใจเมื่อเด็กจะต้องการแก้ปัญหา
                          การฝึกทักษะให้เด็กได้มีความสามารถในการสังเกตดังตัวอย่างข้างต้นแล้วในชีวิต

ประจำวันของเด็กจะต้องได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องและตลอดไป

การสอนสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กปฐมวัย

มาตรฐาน

การสอนสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กปฐมวัย

 
           จุดประสงค์ของการสอนสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กเล็ก เพื่อให้เด็กมีพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อม   คือเด็กต้องมีเจตคติที่ดี  มีความรู้ที่ถูกต้อง  และมีทักษะหรือการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อสิ่งแวดล้อม    สิ่งแวดล้อมมีทั้งสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิต  เช่น  พืช สัตว์  น้ำ หิน  ดิน ทราย  ต้นไม้  อากาศ  เป็นต้น  ปัจจุบันนี้มีการพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมมากเพราะ  มนุษย์ได้รับผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ  เราช่วยกันแก้ปัญหาโดยกำหนดหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษาตั้งแต่ในระดับปฐมวัย  แต่ เราจะมีเฉพาะหลักสูตรเท่านั้นคงจะไม่ประสบความสำเร็จ   จำเป็นต้องมีกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กปฐมวัยรัก

ธรรมชาติและมีพฤติกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  กระบวนการที่กล่าวต้องเป็นกระบวนการที่พัฒนากาย
จิต  และปัญญา  เพื่อให้เด็กเกิดความรู้ จิตสำนึก  และมีพฤติกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  กระบวนการ
เรียนนี้ต้องเริ่มการปลูกฝังและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  ในลักษณะของการเรียนรู้ที่ค่อยๆ  ซึมซาบเพื่อไป
สู่ภายในจิตใจ เข้าไปสู่กระบวนการคิด  แล้วแสดงออกเป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์  โดยบุคคลที่เกี่ยว
ข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กจะต้องร่วมมือกันปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก  เช่น  การทิ้งขยะ  การประหยัดน้ำ
การปลูกต้นไม้    เป็นต้น

การจัดทำแผนการจัดประสบการณ์

มาตรฐาน

การจัดทำแผนการจัดประสบการณ์

 
         การจะนำหลักสูตรระดับปฐมวัยสู่ห้องเรียน โดยคำนึงเด็กเป็นตัวตั้งคือการพัฒนาด้านร่างกาย
อารมณ์  จิตใจ  สังคม และสติปัญญานั้น  แผนการจัดประสบการณ์หรือแผนการจัดการเรียนรู้ มีความ
สำคัญ ครูปฐมวัยจำเป็นต้องเข้าใจถึงความมุ่งหมายในการจัดทำและแนวทางการจัดทำแผนฯ  และต้อง
คิดว่าเป็นหน้าที่ปกติที่จะต้องจัดทำ  แผนการจัดประสบการณ์ที่กล่าว มีสิ่งที่ควรระบุให้ชัดเจนดังนี้
         1 ชื่อหน่วย ชื่อแผน  วัน เดือนปี และระยะเวลาของการจัดประสบการณ์
         2 จุดประสงค์การเรียนรู้   ที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน
         3  สาระการเรียนรู้  ตามที่ระบุไว้ในหลักสูตร แบ่งเป็น  2  ส่วน คือสาระที่ควรเรียนรู้ และประสบการณ์สำคัญ  ซึ่งได้วิเคราะห์ และกำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้รายปี
         4  กิจกรรมการเรียนรู้  สามารถออกแบบได้หลายลักษณะ อาจจะเป็นกิจกรรมหลักทั้ง 6 กิจกรรม
ที่เราเข้าใจก็ได้ หรืออาจเรียกชื่อกิจกรรมแตกต่างกัน    ประเด็นที่สำคัญคือต้องครอบคลุมพัฒนา
การทุกด้านของเด็ก   อาจนำนวัตกรรมทางการศึกษาด้านปฐมวัยมาทดลองใช้ก็ได้
          5  สื่อ  และแหล่งเรียนรู้  ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียนหรือนอกสถานศึกษา เพื่อใช้ในการจัด
ประสบการณ์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่กำหนด
          6  การวัดและประเมินพัฒนาการ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละแผนการจัดประสบการณ์
          7  บันทึกผลหลังการจัดประสบการณ์  ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ มีรายละเอียดที่ต้องแสดงให้
เห็นในเรื่องของ  ผลการจัดประสบการณ์  ปัญหาที่เกิดขึ้น วิธีการแก้ไขปัญหา ข้อเสนอแนะ 
          8  ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหาร 

การเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย

มาตรฐาน

การเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย

 
          การเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัยมีความสำคัญ เด็กจะได้พัฒนาการร่างกายในส่วนต่างๆ นั้น ครู

จำเป็นต้องจัดเพื่อให้เด็กได้เคลื่อนไหวในลักษณะของรูปแบบต่างๆ  เช่น
          การเคลื่อนไหวพื้นฐานทั้งหมด ได้แก่ การเดิน  การคลาน  การคืบ  การวิ่ง   ฯลฯ
          การเคลื่อนไหวตามคำสั่ง
          การแสดงท่าทางตามคำบรรยาย  เรื่องราว
          การทำท่าทางกายบริหาร
          การเลียนแบบท่าทางสัตว์  การเลียนแบบท่าทางคน   การเล่นเลียนแบบเป็นสิ่งของ ฯลฯ
          การเคลื่อนไหวประกอบเพลง
          การเคลื่อนไหวเป็นผู้นำหรือผู้ตาม
          การเคลื่อนไหวสร้างสรรค์หรือการเคลื่อนไหวตามจินตนาการ
          กิจกรรมที่นำเสนอดังกล่าว นอกจากทำให้เด็กได้พัฒนาการด้านร่างกายแล้ว  เด็กยังได้พัฒนาการด้านอื่นๆ พร้อมกันไปด้วย

อุทยานแห่งชาติาติ มุกดาหาร หรือภูผาเทิบ

มาตรฐาน
 อุทยานอุทยานแห่งชาติาติ มุกดาหาร หรือภูผาเทิบ   
 ตั้งอยู่ที่ ต.นาสีนวน อ. เมืองมุกดาหาร จ. มุกดาหาร 49000  โทรศัพท์ 042 60 1753
   เทิบภาษาอิสาน หมายถึง “เพิง” คือลักษณะของหินที่วางทับซ้อนกันลักษณะเป็ฺ็นเพิง(เพิงหมาแหงาน)
อุทยานฯครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหารและอำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร บนถนนสาย มุกดาหาร
ดอนตาล ระยะทางจากตัวเมืองมุกดาหาร ไปทางทิศใต้้ ประมาณ 17 กิโลเมตร แยกเข้าทาง อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ ประกาศจัดตั้งเป็นพื้นที่คุ้มครอง เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2531 
ตามพระราชบัญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2405เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 59 ของประเทศไทย
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงชันหลายเทือกเขาติดต่อกัน คือ ภูนางหงษ์ ภูถ้ำพระ ภูหลังเส ภูหินเทิบ ภูหมากยาง ภูโป่ง ภูมโน มียอดเขาภูจอมศรีเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด คือ สูงประมาณ 420 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีสภาพเป็นภูเขาหินตลอดทั้งมีหินกว้างยาวและหินทับซ้อนกันในรูปต่างๆ หน้าผาสูงชัน และดินส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย เช่น ห้วยตาเหลือก ห้วยสิง ห้วยสะพาย ห้วยเรือ ห้วยบอน ห้วยช้างชน ห้วยไค้ และห้วยมะเล เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติ มุกดาหาร
สถาี่ที่สำคัญ
สถานที่สำคัญและน่าเที่ยวชมภายในอุทยาน
แห่งชาติมุกดาหาร 7 จุดเด่น ได้แก่

  

1. กลุ่มหินเทิบ
   การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่มาของประติมากรรม ธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเกิดจากการ
กัดเซาะของฝน น้ำ ลมและแสงแดด ผ่านกาลเวลามาถึง 120-95 ล้านปีทำให้กลุ่มหินเหล่านี้มีสภาพแตกต่างกัน
ตั้งวางอยู่บนลานหินอันกว้างไกล สุดลูกตาและมีป่าไม้นานาพันธุ์ขึ้นไปตามรอบๆบริเวณลานหินเหล่านี้
ช่วงหน้าฝนก็จะมีวัชพืชขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ช่วงปลายฝน ต้นฤดูหนาวนั้น จะมีวัชพืชผลิดอกบาน
สะพรั่ง หลากหลายสี สวยงาม อย่างยิ่ง
เรียงกลุ่มก้อนหินเหล่านี้เรียงซ้อน ซ้อนทับกันเป็นกลุ่มก้อน
วิจิตรพิศดาร สวยงามแปลกตาดุจดังประติมากรรมของนักจิตกรชั้นเอกมาจัดตั้งไว้ สร้างความประหลาดใจ
และประทับใจ ให้กับผู้ที่มาเยือนเป็นอย่างยิ่งแต่ล่ะกลุ่มก้อนมีลักษณะ แตกต่างกันออกไปไม่ซ้ำแบบกัน
บางก้อน บางกลุ่ม ก็คล้ายเจดีย์ของจอมยุทธจากเมืองจีน บ้างก็เหมือน เห็ด,วัวกระทิง บ้างก็เหมือนคน,เต่า
และสัตว์ต่างๆนานาแล้วแต่จินตนาการของแต่ละคนที่ไปเยี่ยมเยียน กลุ่มหิินประติมากรรมชั้นเอกของธรรมชาติ เหล่านี้ มีความคงทนของชั้นหินที่แตกต่างกันก็เนื่องจากการประสานของเนื้อทรายแตกต่างกัน หินทรายชั้นบน
ที่คงทนมีสีเนื้อหินเป็นสีน้ำตาล มีส่วนประกอบที่เป็นซิลิกาและเม็ดกรวดมาก ส่วนหินทรายชั้นต่ำลงมาที่ไม่คงทน
มีสีของเนื้อหินเป็นสีขาวจะมีส่วนผสมของคาร์บอเนตมาก
สภาพของธรณีวิทยา
บริเวณกลุ่มหินเทิบประกอบด้วยหินชั้นของหมวดหินเสาขัวและกลุ่มหินภูพานของกลุ่มหินโคราชมีการลำดับ
ชั้นหินอยู่ในมหายุคมีโซโซอิค ประกอบด้วย หินโคลน หินทราย หินทรายแป้ง และหินกรวดมนหนา
ประมาณ 200 เมตร 
2. ลานมุจลินท์
เป็นลานหินเรียบทอดยาวกว้างไกลต่อจากกลุ่มหินเทิบ โดยมีป่าเต็งรังแคระล้อมรอบให้ความงดงามกลมกลืน
กับธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง มีพันธุ์ไม้พุ่มจำพวกข่อยหิน นางฟ้าจำแลง อ้นเหลืองและกระโดนดาน เป็นส่วนประกอบจุดเด่นของที่นี้ที่ไม่ควรมองข้ามคือกลุ่มดอกหญ้าของสังคมพืชขนาดเล็ก เช่น สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง หนาวเดือนห้า ดาวรวมดวงและดุสิตา ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งหลากสีคละเคล้ากัน เช่น สีม่วง สีขาว สีทอง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปี รอบๆกลางลานแห่งนี้ี้ยังมีไม้เต็งรังขึ้น
อยู่มากมายและจะผลิดอกในเดือน ธันวาคม ถึงมากราคา ของทุกปี จะมีกลิ่นหอมทั่วลานและป่าเขาไปทั่วทั้ง
บริเวณและสามารถมองเห็นทัศนียภาพแม่น้ำโขง – สาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ด้วย
3.น้ำตกวังเดือนห้า
คำว่า “วัง” ในที่นี้ภาษาอิสานใช้เรียกกับแหล่งน้ำที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขังเป็นเวิ้งวัง เป็นน้ำตกขนาดเล็กเกิดจาก
สายธาร ที่ไหลผ่านลานหินมุจลินท์ ภายในน้ำตกประกอบไปด้วยแอ่งหิน หุบหิน โขดหิน นักท่องเที่ยวนิยม
ไปชมทัศนียภาพและเล่นน้ำตกในฤดูแล้ง จะมีบ่อน้ำซับไหลหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์และสัตว์ป่า